บทสรุป
รูปแบบทางสถาปัตยกรรมของอโรคยาศาลส่วนใหญ่จะมีรูปแบบที่ใกล้เคียงกัน
ตามมาตรฐาน แต่จะมีขนาดพื้นที่ท่ีแตกต่างกัน สิ่งที่พบเป็นถาวรวัตถุใน
ปัจจุบันคือ ศาสนสถานประจาอโรคยาศาลท ํ ี่สร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถาน
ประดิษฐานรูปเคารพที่สร้างขึ้นตามคติความเชื่อทางพุทธศาสนามหายาน
เป็นสถานท่ีที่หรือเป็นจุดเช่ือมต่อระหว่างเทพเจ้า (บนสวรรค์) กับ มนุษย์
(โลก) ศาสนสถานประจําโรงพยาบาลเป็นสถานที่ท่ีมีคนมากราบไหว้ขอพร
รูปเคารพที่ประดิษฐานอยู่ภายใน ทั้งขอพรให้หายจากอาการป่วยไข้ขอพรให้
คนเกิด หรือขอพรให้คนตาย เปรียบเสมือนแหล่งที่รักษาความป่วยทางจิตใจ
ของมนุษย์ การวิงวอนขอพรจากเทพเจ้าเพื่อบําบัดทางด้านจิตใจเพื่อให้
ปราศจากโรคล้วนเป็นกุศโลบายที่ยังปรากฏให้เห็นสืบมาจนถึงในปัจจุบันใน
พื้นท่ีรักษาพยาบาลท่ัวไป ส่วนอาคารอื่นๆ เช่น เรือนนอน บ้านพักเจ้าหน้าที่
ในโรงพยาบาล เรือนปรุง และเรือนเก็บยา ส่วนที่รักษาพยาบาลสันนิษฐานว่า
66 | หน้าจั่ว ฉ. 12 2558
พื้นท่ีดังกล่าวตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือนอกศาสนสถานประจาอโรคยาศาล ํ เป็น
อาคารโครงสร้างไม้ท่ีมีพ้ืนที่ใช้สอยในส่วนรักษาพยาบาลเชื่อมต่อไปถึงสระน้ํา
ศักดิ์สิทธิ์ประจาอโรคยาศาล ํ
ภายหลังจากการอพยพย้ายถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธุ์ใหม่ที่เข้ามาใน
พื้นท่ีตั้งช่วงพุทธศตวรรษที่ 21-24 เป็นต้นมา ได้มีการนําวัฒนธรรมของตนที่
นับถือพุทธศาสนาแบบเถรวาท และการนับถือผีเข้ามาสู่ในพื้นท่ีใหม่ท่ีอพยพ
เข้ามา เมื่อพบว่าถิ่นฐานใหม่นั้นมีศาสนสถานที่เก่าแก่ต้ังอยู่เดิม คนส่วนใหญ่ก็
จะไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปทําลายหรือบุกรุกพื้นที่ พบว่าส่วนใหญ่พื้นดังกล่าว
จะมีวัดมาตั้งต่อมา เน่ืองจากมีความเคารพต่อสิ่งศักด์ิสิทธ์ิที่สิงสถิตอยู่ในกู่
แม้ว่ากลุ่มคนใหม่ที่เข้าจะไม่ทราบถึงคติความเชื่อดังเดิมของกู่แต่เริ่มสร้างก็
ตามที เมื่อวัฒนธรรมเข้ามาจึงเกิดการบูรณาการผสมผสานวัฒนธรรมใหม่
เข้าไปสู่ตัวกู่เดิม พบว่ามีการสร้างตํานานให้สัมพันธ์กับพ้ืนที่ เช่น ตํานาน
ผู้ชายผู้หญิงสร้างปราสาท รวมถึงตํานานของนิทานพ้ืนบ้านอีสาน หรือแม้
กระทั่งนิบาตนอกชาดก การสร้างตํานานนี้แสดงให้เห็นว่าคนท่ีอพยพมาใหม่
นั้นต้องการให้ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของบริบทพื้นท่ี
ในกลุ่มพื้นที่อีสานเหนือ อีสานกลาง และกลุ่มพื้นท่ีอีสานใต้มีความ
แตกแต่งกันในด้านการจัดกิจกรรม ประเพณี พบว่ากลุ่มอีสานเหนือ อีสาน
กลาง จะมีความเคร่งครัดในการจัดประเพณีสรงกู่บวงสรวงกู่มากกว่ากลุ่ม
อีสานใต้สาเหตุมาจากปัจจัยที่แตกต่างกัน เช่น ด้านความเชื่อท่ีมีรายละเอียด
ที่แตกต่างกัน ด้านกายภาพโดยเฉพาะกลุ่มพื้นท่ีอีสานใต้เป็นพื้นที่ท่ีได้รับ
วัฒนธรรมขอมโดยตรง มีจํานวนปราสาทท่ีสาคํ ัญมากในพื้นที่โดยรอบศาสนสถานประจําอโรคยาศาลเป็นศาสนสถานขนาดเล็กและอยู่ในสภาพทรุดโทรม
ประชาชนจึงหันไปประกอบกิจกรรมในปราสาทหลักที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่า
แทน แต่ทั้ง 2 กลุ่มยังปรากฏความเชื่อที่คล้ายกัน คือการนับถือผีที่เป็นความ
เชื่อดั้งเดิมในการบูชาบรรพบุรุษของตน ปรากฏให้เห็นว่าได้มีการนําความเชื่อ
ดังกล่าวเข้าไปอยู่ภายในตัวศาสนสถานประจําอโรคยาศาล เช่น มีการตั้งช่ือ
เทวดาที่ปกปักษ์รักษากู่และชุมชนของตน พ่อปู่ที่เชื่อว่าเป็นบรรพบุรุษของตน
การนําความเชื่อผีเข้ามาในกู่น้ีสร้างความศรัทธาให้กับคนในพื้นท่ีเป็นจํานวน
มาก ทําให้คนเกิดความยําเกรงเป็นท่ีพึ่งทางใจของคนในชุมชน รวมถึงทําให้
ศาสนสถานประจําอโรคยาศาลเป็นศูนย์กลางของคนในชุมชม โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งเมื่อผนวกเข้าไปกับวัด ความสําคัญของศาสนสถานประจาอโรคยาศาลจ ํ ึง
ไม่ใช่เพียงปราสาทที่เป็นเพียงเศษศิลาแลง เมื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง
การใช้พื้นตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบันพบว่า วัตถุประสงค์แต่เริ่มแรกสร้างขึ้นเพื่อ
เป็นศาสนสถานประจําอโรคยาศาล มีเทพต่างๆ ประดิษฐานภายในเพ่ือให้พร
แก่ผู้ที่เข้ามากราบไหว้และเป็นศูนย์กลางในการรักษาโรคทั้งทางกายและทาง
จิตใจ เมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 800 ปีศาสนสถานประจําอโรคยาศาลเปล่ียน
บทบาทไป ไม่ใช่ศาสนสถานประจําโรงพยาบาลอีกต่อไป สถานพยาบาลไม่
หน้าจั่ว ฉ. 12 2558 | 67
ปรากฏให้เห็น แต่ชุมชนยังคงให้บทบาทว่าเป็นสถานที่ศักด์ิสิทธิ์ของชุมชน
สืบเนื่องต่อมา ความเชื่อเรื่องพระไภษัชยคุรุไม่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน
มีเพียงตํานานต่างๆ ที่เล่าขานต่อเน่ืองกันมาเกี่ยวกับการสร้าง เปลี่ยนเป็น
สถานที่สิงสถิตของพ่อปู่ผีบรรพบุรุษท่ีเข้ามาใช้พื้นที่ภายในแทน แต่ก็ยังพบว่า
ในแต่ละท่ีจะมีผู้คนเดินทางเข้ามากราบไหว้ขอพรอยู่เป็นประจํา แสดงให้เห็น
ถึงความสําคัญของพื้นท่ีที่ยังคงสถานะเป็นศูนย์รวมทางด้านจิตใจจิตวิญญาณ
ของคนในพื้นท่ีเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น